Harrison Ford (แฮร์ริสัน ฟอร์ด)
เกิดเมื่อ 13 กรกฎาคม 1942
หากครั้งนั้น แฮร์ริสัน ฟอร์ด เชื่อคำพูดของคนในสตูดิโอ เขาคงจะเลิกนึกถึงงานแสดงแล้วหันไปเอาดีทางช่างไม้อย่างเดิม และไม่มีโอกาสได้เป็นดาราดังที่มีผลงานภาพยนตร์ยอดนิยมที่สุดของฮอลลีวูดหลายต่อหลายเรื่อง นอกจากฟอร์ดจะได้รับคะแนนเสียงให้เป็นชายผู้เซ็กซี่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ จากการสำรวจของนิตยสาร People ประจำปี 2001 แล้ว เขายังมีชื่ออยู่ใน Guiness Book of Records ในฐานะนักแสดงชายที่มีฐานะมั่งคั่งที่สุดคนหนึ่ง
ฟอร์ดเกิดที่เมืองชิคาโก เขาเติบโตในครอบครัวชนชั้นกลาง และเป็นเด็กธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้หลงใหลภาพยนตร์เป็นพิเศษแต่อย่างใด สมัยเป็นนักเรียน เขาได้ชื่อว่าเป็นนายตัวแสบ และเริ่มสัมผัสกับการแสดงเป็นครั้งแรก ตอนที่เรียนอยู่ในวิทยาลัยแห่งหนึ่งในวิสคอนซิน แต่ยังไม่ทันเรียนจบ เขาก็ถูกไล่ออกเพราะไม่สามารถทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จสมบูรณ์ได้
ช่วงกลางทศวรรษซิกส์ตีส์ ฟอร์ดและภรรยาคนแรกของเขาย้ายไปฮอลลีวูด แต่หลังจากที่ได้แสดงเป็นเด็กยกกระเป๋าในภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา คือ Dead Heat on a Merry-Go-Round (1966) เขากลับรู้สึกหมดกำลังใจกับอาชีพนักแสดง จึงหันมาหัดทำงานช่างไม้โดยศึกษาจากหนังสือที่ยืมจากห้องสมุด จนกระทั่งมีฝีมือทางนี้อยู่พอตัว โชคดีที่เขาได้ทำงานก่อสร้างให้กับผู้คัดเลือกตัวนักแสดงคนหนึ่ง ที่ช่วยให้เขาได้รับบทในหนังของ จอร์จ ลูคัส เรื่อง American Graffiti (1973) ซึ่งเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จกว่าที่คาด และทำให้ฟอร์ดเริ่มเป็นที่คุ้นตาขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม งานแสดงของเขายังไม่ก้าวหน้าไปสักเท่าไร จนกระทั่งลูคัสเรียกตัวเขามาร่วมงานอีกครั้ง ในบทนักบินอวกาศ ฮาน โซโล ในหนังยอดฮิตเรื่อง Star Wars (1977) ที่ทำให้ฟอร์ดกลายเป็นดาราดังไปในทันที แต่ในช่วงปีท้าย ๆ ของทศวรรษเซเว่นตีส์ เขากลับเวียนว่ายอยู่กับหนังเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ไม่มีค่อยจะมีอะไรน่าจดจำ แต่ก็ได้แสดงบทเล็ก ๆ ในเรื่อง Apocalypse Now (1979) ของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า
ช่วงต้นทศวรรษเอทตีส์ ฟอร์ดก้าวสู่ความเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง จากผลงานแสดงในหนังตระกูล Star Wars และจากบทนักโบราณคดีนักผจญภัย อินเดียน่า โจนส์ ในเรื่อง Raiders of the Lost Ark (1981) ของผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ที่ประสบความสำเร็จอย่างมโหฬาร จนมีภาคต่ออีกสองภาค คือ Indiana Jones and the Temple of Doom (1984) และ Indiana Jones and the Last Crusade (1989) และกำลังจะมีภาคที่สี่ออกมาในปี 2005 นี้ ในยุคเอทตีส์ที่เขาเฟื่องฟูสุดขีดนี้ เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมออสการ์ จากบทตำรวจสืบสวนจากเมืองใหญ่ ที่ปลอมตัวเป็นชาวนาลัทธิเอมิช ในเรื่อง Witness (1984)
ชื่อเสียงและความนิยมที่ได้รับ จากหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลหลายต่อหลายเรื่อง ทำให้ฟอร์ดมีบทให้เลือกแสดงมากมาย และมีโอกาสได้ลองผิดลองถูกกับบทใหม่ ๆ เช่นในเรื่อง The Mosquito Coast (1986) และ Regarding Henry (1991) ที่ถือได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ ไปจนถึงหนังเบาสมอง Working Girl (1988) ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และแสดงให้เห็นพรสวรรค์ด้านอารมณ์ขันของฟอร์ด ที่ไม่ค่อยถูกดึงมาใช้บ่อยนัก
ฟอร์ดได้เซ็นสัญญาค่าตัวสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับบทเป็นสายลับซีไอเอ แจ๊ค ไรอัน ในภาพยนตร์ชุดหนึ่งที่สร้างจากนิยายเรื่องดังของ ทอม แคลนซี สองเรื่องแรกในชุดนี้ คือ Patriot Games (1992) และ Clear and Present Danger (1994) ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากนั้น ฟอร์ดยังได้รับการตอบรับอย่างเกรียวกราว จากบท ดร. ริชาร์ด คิมบอล ใน The Fugitive (1993)
ในปี 1997 ผลงานเรื่อง The Devils Own ที่ฟอร์ดแสดงประกบกับ แบรด พิตต์ ถือได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ผลงานของผู้กำกับ วูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน เรื่อง Air Force One ในปีเดียวกันนั้น ก็สามารถชดเชยกับความล้มเหลวก่อนหน้านั้นได้เป็นอย่างดี และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แม้อายุจะปาเข้าไป 55 ปีแล้ว แต่ฟอร์ดก็ยังเป็นแอ๊คชั่นฮีโร่ตัวจริงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง บทบาทการแสดงล่าสุดของเขา คือบทกัปตันเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ลำแรกของรัสเซีย ในผลงานเรื่อง K-19: The Widowmaker ที่เข้าฉายในปี 2002
นอกจากนี้ฟอร์ดได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง Witness (1985) ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำจาก Sabrina (1995), The Fugitive และ The Mosquito Coast (1986)
สมาคมผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ยกให้เขาเป็นดาราแห่งศตวรรษเมื่อปี 1994 นิตยสาร People เลือกฟอร์ดเป็น บุรุษผู้เซ็กซี่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ในปี 1998 และปีนั้นเองที่เขาได้รับรางวัล Peoples Choice Award ในฐานะดาราภาพยนตร์ผู้เป็นที่นิยมตลอดกาล และได้รางวัลนี้อีกครั้งในปี 2000 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่สถาบันภาพยนตร์อเมริกันได้มอบรางวัล Life Achievement Award ให้เขา และในปี 2002 ฟอร์ดก็ได้รับรางวัล Cecil B. DeMille จากสถาบันลูกโลกทองคำ ในฐานะผู้ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพของตน